bulibuli.work
อาการตกเลือด หรือเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นกลุ่มอาการที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิง แบ่งอาการออกเป็นดังนี้ 1. การตกเลือดจากโพรงมดลูก คือ จุดเลือดที่ออกอยู่ในโพรงมดลูก เช่น การแท้ง การมีเลือดระดูออกมากหรือผิดปกติ หรือโรคมะเร็งของเยื่อบุมดลูก 2. การตกเลือดที่อวัยวะสืบพันธุ์ที่ไม่ใช่มดลูก คือเลือดไหลออกทางช่องคลอด โดยที่จุดเลือดไม่ได้เกิดในโพรงมดลูก แต่อยู่ต่ำลงมา ได้แก่ ปากมดลูกหรือในช่องคลอด เช่น มะเร็งปากมดลูก แผลฉีกขาดในช่องคลอด แต่ในครั้งนี้จะกล่าวถึงเฉพาะ ภาวะที่เป็นการตกเลือดในโพรงมดลูกเท่านั้น ซึ่งเกิดได้ทั้งช่วงที่กำลัง มีระดู และช่วงนอกระดู ระดู คือ น้ำเลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูก ประกอบด้วยเลือดและเศษเนื้อเยื่อ ที่ไหลออกมาเป็นรอบทุก 28+7 วัน และระยะเวลาของการมีระดูม่เกิน 7 วัน จำนวนเลือดเฉลี่ยประมาณ 30-80 มล. ถ้าจำนวนเลือดที่ออกเกิน 200 มล. ถือว่าผิดปกติ เพราะว่าอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ โดยปกติแล้วรอบ รอบระดูแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ 1. ระยะการเจริญของถุงไข่ เป็นระยะของรังไข่ที่จะใช้ในการเตรียมตัว ให้ไข่เติบโตมากพอ และมีหนึ่งใบเท่านั้น ที่พร้อมจะตกออกมาจากถุงไข่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน ระยะนี้ถุงไข่จะสร้างฮอร์โมน เอสโตรเจน กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้เจริญ 2.
นาทีที่10. 10 -------ผม:------- ตอนนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ฉีดวัคซีนMRNAมันจะก่อให้เกิดโปรตีนหนามไหลเข้าเส้นเลือดกระจายไปทั่วร่างกาย peer reivewed paper โปรตีนหนามในเลือดของผู้ฉีดวัคซีนเทียบเท่ากับผู้ติดโควิดอาการหนัก และสุดท้าย ในบางราย กลุ่มพยาธิแพทย์ชาวเยอรมันพบมีโปรตีนหนามติดที่เส้นเลือดของผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน กล่าวคือ โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง
0-2271-7000 ต่อ สุขภาพสตรี
เลือดออกระหว่างรอบระดูที่เป็นปกติ จะเกิดในช่วงกลางรอบระดูที่มีการตกไข่ นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุจากเนื้องอกในโพรงมดลูก มะเร็งเยื่อบุมดลูก และมะเร็งปากมดลูก 7. ระดูขาดก่อนแล้วตกเลือดมากและนาน ผู้ป่วยมักมีอาการซีดร่วมด้วย พบบ่อยในวัยใกล้หมดระดูที่ไม่มีการตกไข่ สาเหตุภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูก แบ่งเป็น 2 สาเหตุ คือ สาเหตุทางร่างกาย 1. โรคระบบทั่วไป • โรคเลือด • โรคตับ • โรคไต • โรคอ้วน • ผลของยาที่ทำให้เลือดออกผิดปกติ ได้แก่ ยาสตีรอยด์ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ยาป้องกันเลือดแข็งตัว ยารักษามะเร็ง ส่วนยาเม็ดคุมกำเนิดและโปรเจสโตโรน ทั้งชนิดรับประทานหรือฉีด เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ในการทำให้เลือดออกผิดปกติ 2.
ระยะไข่ตก ประมาณ วันที่ 14 – 15 ของรอบเดือน มีการแตกของถุงไข่ 3. ระยะหลังไข่ตก หลังจากที่ถุงไข่แตกแล้ว ระยะนี้ถุงไข่จะเป็น corpus luteum มีการหลั่งโปรเจสเตอโรน เจน ในเลือดเป็นจำนวนมาก กระตุ้นเยื่อบุมดลูกให้สมบูรณ์ เตรียมรับตัวอ่อน ถ้าไม่ตั้งครรภ์ก็จะหยุดทำงาน เยื่อบุมดลูกก็หลุดลอกออกมา พร้อมกับเลือดเป็นระดู ความผิดปกติใดๆ ในการทำหน้าที่ หรือการเจริญเติบโตของรังไข่ดังกล่าว อาจมีผลทำให้มีเลือดระดูออกผิดปกติ โดยที่ในโพรงมดลูกอาจไม่มีพยาธิสภาพใดๆ ก็ได้ เลือดออกผิดปกติจากมดลูกมีหลายแบบ 1. เลือดออกเป็นรอบแต่มีปริมาณมาก คือ เลือดออกเป็นรอบปกติแต่มากกว่าปกติ (มากกว่า 200 มล. ) หรือออกนานเกิน 7 วัน 2. เลือดออกเป็นรอบแต่รอบสั้นกว่า 22 วัน จำนวนเลือดที่ออกผิดปกติ สาเหตุมักเกิดจากความบกพร่องในหน้าที่ของรังไข่ 3. เลือดออกไม่เป็นรอบ เลือดอาจจะออกกะปริดกะปรอย มักเกิดจากแผลที่เยื่อบุมดลูก รวมทั้งการแท้ง และการมีครรภ์นอกมดลูกด้วย 4. เลือดออกเป็นรอบแต่ ค่อนข้างยาว คือ นานกว่า 35 วัน พบในหญิงที่มีระยะก่อนตกไข่ยาว และในภาวะที่ไม่มีการตกไข่ 5. เลือดออกเป็นรอบแต่มีปริมาณน้อย อาจพบในคนที่มีพังผืดในโพรงมดลูก และผู้ที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดนาน 6.
ขูดมดลูกมาได้ 1 เดือนแล้ว และไม่มีเลือดออกแล้วไม่เจ้บไม่อะไรแล้ว แต่มีประจำเดือนมาตามปกติแต่มาเล็กน้อยไม่มาก แทบจะเป้นจุด แบบนี้สามารถที่จะลงเล่นน้ำตกได้ยังค่ะ แสดงความคิดเห็น
ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่ออื่น • โรคต่อมธัยรอยด์ • โรคต่อมหมวกไต • ความผิดปกติของ ต่อมใต้สมอง 2. ความผิดปกติของฮอร์โมนระบบสืบพันธุ์ • Polycystic ovearian disease เป็นภาวะที่พบบ่อย ลักษณะเฉพาะของผู้ป่วย คือ มีขนดก อ้วน และมีบุตรยากร่วมกับภาวะไม่มีตกไข่ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคนี้ แต่อาการที่พบคือมีเลือดออกเป็นระยะๆ ระดูมาไม่บ่อย แต่เลือดระดูจะออกมากและนาน ถ้าไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยมีโอกาสเกิด endometrial hyperplasia และมะเร็งเยื่อบุมดลูกสูงขึ้น •ภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูก Dysfunctional uterine bleeding (DUB) การวินิจฉัย ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก เริ่มด้วย 1. แพทย์จะซักถามประวัติที่สำคัญ จะมีการตรวจร่างกายโดยทั่วไป และการตรวจภายในเบื้องต้น เพื่อหาตำแหน่งของเลือดออกว่า มาจากภายในมดลูก ปากมดลูก ท่อปัสสาวะ หรือรูทวาร ตรวจหาร่องรอยกระทบกระแทก วัสดุแปลกปลอม การติดเชื้ออักเสบ คลำขนาดและลักษณะของมดลูก คลำปีกมดลูกมีการกดเจ็บ หรือก้อนผิดปกติหรือไม่ เป็นต้น 2. การตรวจทางห้องปฏิบัติการและตรวจพิเศษ เช่น การตรวจเลือด การตัดตรวจเนื้อเยื่อมดลูก การขูดมดลูก การส่องกล้องตรวจภายในมดลูก Hysterosalpingography อัลตราซาวนด์ (ultrasound) และการส่องกล้องตรวจช่องท้อง (laparoscopy) แหล่งข้อมูล: โรงพยาบาลวิภาวดี -
ท้องนอกมดลูกคืออะไร?
ขึ้นไป ก็จะมีแนวโน้มเล็กลงเองได้ยากขึ้นและหากมีขนาดมากกว่า 5 ซม. ขึ้นไปก็มักเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาผ่าตัดรักษา ประโยชน์ของการผ่าตัดก็คือ การได้ชิ้นเอาไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อดูว่าก้อนเนื้อเยื่อนั้นเป็นเนื้องอกธรรมดาหรือเนื้อร้าย โดยสรุปได้ว่า สิ่งที่เราจะพบได้ในมดลูกผู้หญิงเราเมื่อมีอาการปวด หรือเลือดออกขึ้นมานั้น จะเกิดจากซีสต์ ถุงน้ำ และเนื้องอก ซึ่งจะทราบได้ด้วยการตรวจภายในเป็นประจำทุกปีก็สามารถช่วยให้คุณผู้หญิงทั้งหลายดูแลร่างกายห่างไกลโรคที่สร้างความเจ็บปวด หรือที่อาจจะก่อให้เกิดโรคร้ายได้
ในกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนักแต่อันตรายมากคือ ไข่ยังคงติดอยู่ที่รังไข่หรืออวัยวะภายในช่องท้องส่วนล่าง หากตัวอ่อนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องอาจทำให้อวัยวะฉีกขาด ทำให้มีเลือดออกเป็นจำนวนมาก และสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ที่มีอาการนี้ หากคุณมีอาการตั้งครรภ์ในช่วงแรกอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที ทั้งนี้การท้องนอกมดลูกเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และมีผลกระทบต่อจิตใจของว่าที่คุณแม่เนื่องจากคุณแม่ต้องแท้งลูก การสูญเสียในครั้งนี้ต้องใช้เวลาฟื้นตัวทั้งทางร่างกายแต่จิตใจมากสักหน่อย ท้องนอกมดลูกพบได้บ่อยขนาดไหน?