bulibuli.work
ถ้ามีอาการครั้งแรก ควรแยกออกจากสาเหตุร้ายแรงทางสมองให้ชัดเจนด้วยการถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เสียก่อน 3. โรคนี้จะไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ ทั้งสิ้นแม้จะปวดรุนแรงและเรื้อรัง แต่มักมีผลต่อจิตใจ เป็นอุปสรรคต่อการทำกิจวัตรประจำวัน และการออกสังคม 4. ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวด เช่น การอดนอน การงีบหลับช่วงบ่าย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ สารไฮโดรคาร์บอน ยาและอาหารที่มีสารไนเตรต เป็นต้น
เมื่ออาการปวดกำเริบเฉียบพลัน แพทย์จะให้ออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ทางจมูกในอัตรา 6-8 ลิตร/นาที อาการปวดจะทุเลาได้ใน 15 นาที หรือด้วยวิธีการฉีดซูมาทริปแทน 6 มก. ใต้ผิวหนัง หรือไดไฮเออร์โกตามีน 1-2 มก. เข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือดดำ 2. แพทย์จะให้ยากินป้องกันถ้ามีอาการปวดทุกวัน แต่ถ้าปวดไม่บ่อยจะให้กินยาระยะสั้นๆ เช่น เพร็ดนิโซโลน 40-60 มก. วันละครั้งนาน 5 วัน และลดยาลงทีละน้อยจนหยุดยาภายใน 2-4 สัปดาห์ แพทย์จะให้เออร์โกตามีน 0. 5-1 มก. สวนทางทวารหนักก่อนนอน หรือให้กินขนาด 2 มก. /วัน สำหรับรายที่ปวดตอนกลางคืน ในรายที่ต้องกินยาป้องกันระยะยาวแพทย์จะให้เวราพามิล 240-480 มก. /วัน หรือให้ ลิเทียมคาร์บอเนต อะมิทริปไทลีน ฟลูออกซีทีน โพรพราโนลอล ไซโพรเฮปตาดีน ไดวาลโพรเอต โทพิราเมต คาร์บามาซีพีน เป็นต้น มักต้องใช้ร่วมกัน 2 ชนิดจึงได้ผลดี 3. ในรายที่เป็นเรื้อรังข้างเดิมและใช้ยาไม่ได้ผล แพทย์อาจผ่าตัดทำลายเส้นประสาทที่เป็นต้นเหตุในการรักษา เช่น การใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุ การผ่าตัดด้วยรังสีแกมมา การผ่าตัดฝังอิเล็กโทรดกระตุ้นด้วยไฟฟ้าในสมองส่วนไฮโพทาลามัส เป็นต้น ข้อแนะนำ 1. โรคนี้มักปวดศีรษะข้างเดียวคล้ายไมเกรน แต่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ปวดรุนแรงกว่าแต่ระยะปวดสั้นกว่า ปวดเว้นระยะเป็นช่วงๆ แต่ทุกวันอาจหลายวันหรือหลายสัปดาห์ มักไม่มีคลื่นไส้ อาเจียน กลัวแสง กลัวเสียง แต่มักมีอาการตาแดง น้ำตาไหล หนังตาบวม หนังตาตก รูม่านตาหดเล็ก 2.
ผู้เขียนเกิดภาวะมึนงงบ่อย ร่วมกับอาการปวดหัวเป็นพักๆ แสบคอ อาการเหล่านี้ในตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นโควิด-19 แต่สืบที่มาที่ไปก็หาเหตุไม่เจอ ว่าผู้เขียนเองไปติดมาจากไหน เพราะวันๆ อยู่แต่ในบ้าน อยู่ในสวน อยู่แต่กับหมากับแมว ไม่ได้ออกไปเจอผู้คนนานเป็นปีแล้ว จะมีก็การไปจ่ายตลาด แต่ก็ไปอาทิตย์ละครั้ง ปรึกษาแพทย์ เค้าก็แนะนำให้ไปตรวจหาเชื้อ แต่จุดตรวจมันเสี่ยงที่จะพาเชื้อกลับบ้านมาให้ผู้แก่ที่บ้าน จึงลองกักตัวเองดูนานนับเดือน อาการก็ไม่หาย เป็นอยู่อย่างนี้ สรุปจึงได้ไปตรวจโควิด-19 แล้วสรุปก็คือไม่พบเชื้อ แล้วอาการปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ เหล่านี้เกิดได้อย่างไร? อาการมึนหัว เวียนศีรษะ เกิดขึ้นได้เพราะใส่หน้ากากอนามัยนานเกินไป ภาวะหนึ่งที่เกี่ยวกับเลือดเป็นกรด ลองหาดูรายละเอียด เค้าบอกว่า ใส่หน้ากากอนามัยแล้วทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรด เรื่องนี้ไม่น่าจะจริง แต่อาการมึนหัว เวียนหัว เกิดขึ้นจริง เพราะจากข้อมูลของกรมควบคุมโรค บอกว่าอาการเลือดเป็นกรดยังไม่มีผลวิจัยใดยืนยันว่าการใส่หน้ากากเป็นเวลานานจะทำให้เลือดเป็นกรด เพียงแต่จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ การสวมหน้ากากอนามัยยังทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ปกติ ภาวะเลือดเป็นกรดจะเป็นภาวะที่เลือดมีค่า PH น้อยกว่า 7.