bulibuli.work
กระเพาะอาหารทะลุ หมายถึง ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่สุดของผู้ป่วยที่มีแผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรับการผ่าตัดฉุกเฉิน เพราะการรักษาช้าอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การไหลเวียนและทำงานของอวัยวะล้มเหลว ซึ่งทำใหผู้ป่วยเสียชีวิตได้ วิธีปฏิบัติ 1. การประเมิน 1. 1 การประเมินสภาพผู้ป่วยแรกรับ ตามแบบประเมินสมรรถนะแรกรับของกลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลสกลนคร 1. 2 ซักประวัติ ผู้ป่วยอาจมีประวัติปวดกระเพาะเป็นๆหายๆเรื้อรัง มีปัจจัยส่งเสริม เช่น การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา อาหารรสจัด ความเครียด รับประทานยาแก้ปวด ยาชุด และการใช้สารเสพติดต่างๆ 1. 3 การตรวจร่างกาย เช่น มีอาการกดเจ็บ (tenderness), กดปล่อยแล้วเจ็บ(rebound tenderness) และท้องแข็ง(guarding)บริเวณใต้ลิ้นปี่ 1. 4 การตรวจทางห้องปฏิบัติการ 1. 5 การตรวจทางรังสี มีลมรั่วในช่องท้อง(Free air)บริเวณใต้กระบังลมด้านขวา 2.
3 ยูโรกราฟฟี (Urography) ซึ่งจะทราบการทำงานของไตอีกข้างหนึ่งว่าปกติหรือไม่ 3. 4 รีโทรเกรด ไพอีโลกราฟฟี (Retrograde pyelography) ซึ่งจะเห็นลักษณะที่ผิดจากรูปร่างของระบบไตได้ชัดเจน 3. 5 การฉีดสารทึบแสง เข้าทางหลอดเลือดแดงเพื่อตรวจดูไต (Renal angiography) มักทำในรายที่สงสัยว่าจะมีการฉีกขาดของหลอดเลือดแดงรีนัล 3. 6 การส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) ซึ่งทำให้รู้แน่ว่าเลือดออกข้างใด การบำบัดรักษา 1. ในระยะรีบด่วน ต้องรักษาภาวะช็อค และให้เลือดทดแทนปริมาณที่เสียไปจนกลับสู่ภาวะปกติ 2. ถ้าไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้เอง ต้องสวนปัสสาวะค้างไว้ เพื่อให้ปัสสาวะไหลออกตลอดเวลา 3. ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อที่พบบ่อยในทางเดินปัสสาวะ 4. อาจให้ยาบรรเทาอาการปวดถ้ามีอาการเจ็บปวดมาก 5.
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีรสเค็มจัด และ อาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ 2. ควบคุมระดับความดันโลหิต การรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ จะช่วยทำให้หัวใจไม่ทำงานหนักจนเกินไป และ ทำให้ลิ้นหัวใจที่มีความผิดปกติไม่ทวีความรุนแรงมากขึ้น 3. ควบคุมน้ำหนัก การควบคุมน้ำหนักจะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ หากน้ำหนักตัวมากก็จะนำไปสู่โรคร้ายต่าง ๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคไขมันในเลือด 4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก่อนออกกำลังกายควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเราเพื่อไม่ให้หัวใจทำงานหนักจนเกินไป และควรออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะจะได้ช่วยให้หัวใจทำงานได้มากขึ้น 6. ลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว อาการยิ่งหนักขึ้นควรเลิกดื่มไปเลยจะดีที่สุด 7.
1. ปฐมภูมิ (Primary Cause) เกิดจากการสะสมของแคลเซียมที่ลิ้นหัวใจมากผิดปกติ หรือ ผู้ที่มีลิ้นหัวใจยาว และ สาเหตุที่เกิดจากโครงสร้างของลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ ทำให้ลิ้นหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่ และ ปิดไม่สนิทขณะสูบฉีดเลือด 2.
เช็กพฤติกรรมเสี่ยง... กระเพาะทะลุ เป็นแล้วตายได้ | พบหมอมหิดล [by Mahidol Channel] - YouTube
ด้วยไลฟ์สไตล์ และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เพราะมีการแข่งขันสูง หลายคนทำงานหนักเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง ไหนจะเข้าออฟฟิศ ไหนจะออกไซต์งาน ไหนจะต้องเผชิญกับภาวะรถติด ใช้เวลาบนท้องถนนนานเป็นพิเศษ ตามวิถีของคนเมือง บ้างไม่มีเวลาที่จะเข้าห้องน้ำ หรือต้องอั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน อาจประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือการที่มีปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ ผศ. นพ.
ยาเอซีอี อินฮิปิเตอร์ (ACE Inhibitor) ใช้เพื่อปรับสภาพการทำงานของหัวใจ และชะลอการเกิดอาการหัวใจโต ช่วยลดความดันโลหิตไม่ให้หัวใจทำงานหนักมากเกินไป 2. ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) เพื่อขับของเหลวส่วนเกินที่สะสมอยู่ในปอด และ ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายออกมา ทำให้น้ำในร่างกายลดลง ลดอาการเหนื่อย และ อาการบวมได้ การผ่าตัด การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด จะมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจที่นำมาใช้มีทั้งที่ผลิตจากไทเทเนียม หรือ ลิ้นหัวใจของสัตว์ เช่น หมู และ หลังจากผ่าตัดแล้วผู้ป่วยจะต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามอาการ 2. การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ วิธีนี้จะเป็นการรักษาที่ใช้ในบางกรณีเท่านั้น ทำเพื่อซ่อมแซมลิ้นหัวใจที่มีความผิดปกติให้กลับมาทำงานได้ การป้องกันโรคลิ้นหัวใจรั่ว โรคลิ้นหัวใจรั่ว สามารถป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจากโรค เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเรสเตอรอลสูง และ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของหัวใจโดยกำเนิด และ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจ และ หลอดเลือดควรพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามอาการและหากมีสัญญาณของลิ้นหัวใจรั่ว แพทย์จะได้ทำการรักษาได้ แต่เนิ่น ๆ ข้อมูลอ้างอิง ิ้นหัวใจรั่ว Continue Reading
โรคลิ้นหัวใจจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อ เริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น ซึ่งจะแสดงอาการดังนี้ 1. ปวดบริเวณหน้าอก โดยเกิดจากการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดหัวใจลดลง ซึ่งอาจจะลามไปถึงแขนข้างซ้าย หรือ ที่หน้าท้อง 2. เหนื่อยง่าย เกิดจากการคั่งของเลือด และ ของเหลวภายในหลอดเลือดที่อยู่ในปอด โดยจะมีอาการในระหว่างออกกำลังกาย หรือ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งหากมีอาการรุนแรงจะทำให้เหนื่อยง่ายถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงพักก็ตาม 3. วิงเวียนศีรษะ เป็นลม 4. มีอาการบวมที่เท้า และ ข้อเท้า เนื่องมาจากการบวมน้ำ 5.