bulibuli.work
เนื้อหา 1 ภาษาไทย 1. 1 รากศัพท์ 1. 2 การออกเสียง 1. 3 คำนาม 1. 3.
ผู้เข้าชมทั้งหมด 11, 001, 794 ผู้เข้าชมวันนี้ 1, 563 ผู้เข้าชมขณะนี้ 458
ผู้เข้าชมทั้งหมด 11, 001, 788 ผู้เข้าชมวันนี้ 1, 557 ผู้เข้าชมขณะนี้ 462
ขณะนี้มี 592 [แป้นพิมพ์ภาษาไทย] แป้นพิมพ์บลูทู ธ ไร้สายแป้นพิมพ์แท็บเล็ต iPad แป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กเหมาะสำหรับ สำหรับiPad แท็บเล็ต อยู่ในที่จัดเก็บ แต่จำนวนสินค้าที่เก็บไว้ในสินค้าคงคลังอาจลดลงอย่างไม่คาดคิดเนื่องจากร้านนี้ขายในเว็บไซต์อื่น ๆ เช่นกัน. แม้ว่านี่จะไม่ใช่ร้านค้า [แป้นพิมพ์ภาษาไทย] แป้นพิมพ์บลูทู ธ ไร้สายแป้นพิมพ์แท็บเล็ต iPad แป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กเหมาะสำหรับ สำหรับiPad แท็บเล็ต อย่างเป็นทางการของแบรนด์ $แบรนด์ที่ Shopee คุณสามารถตรวจสอบและหาข้อมูลเกี่ยวกับการขายความคิดเห็นความชอบถูกใจ [แป้นพิมพ์ภาษาไทย] แป้นพิมพ์บลูทู ธ ไร้สายแป้นพิมพ์แท็บเล็ต iPad แป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กเหมาะสำหรับ สำหรับiPad แท็บเล็ต เนื่องจากราคา ฿145 ดีกว่าการซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการลดลง 90% 2. กด connect ️ผลิตภัณฑ์นี้มี 2 ฟังก์ชั่น: USB :️ใช้กับพีซี / โน้ตบุ๊กทีวี / คอมพิวเตอร์ Macbook ที่มีอินเตอร์เฟส USB ทุกประเภท 5. หากสัญญาณไม่ดีแป้นพิมพ์ไม่มีแบตเตอรี่จำเป็นต้องชาร์จ - ขนาด 59 CM. ผลิตภัณฑ์มีสองประเภท 8. ใส่ถ่านAA 1ก้อน (ร้านไม่มีให้)️BT-ใส่ถ่านAA(ไม่มีusb) 7. Wi-Fi Range: ใช้งาน 10 เมตร 4. เปิดอุปกรณ์บลูทูธ เพื่อ เชื่อมต่อ ( ชื่อของบลูทูธคือBluetooth keyboard 3.
แพทย์จะใส่กล้องส่องกระเพาะอาหารเข้าไปในปากผ่านหลอดอาหารสู่กระเพาะอาหาร และฉีดยาชาที่หน้าท้องเพื่อเจาะใส่สายให้อาหารซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 - 45 นาาที 3. ผู้ป่วยต้องงดอาหารประมาณ 1 - 3 วันเมื่อแผลเจาะกระเพาะอาหารสมานดี แพทย์จะเริ่มให้อาหารทางหน้าท้อง การดูแลแผลหลังใส่สายให้อาหารผ่านทางหน้าท้องสู่กระเพาะอาหาร 1. ในระยะ 1 - 2 สัปดาห์แรกหลังใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง ควรทำความสะอาดแผลรูเปิดและใต้แป้นสายสวน โดยวิธีปราศจากเชื้อ โดยใช้น้ำยาเบตาดีน หรือ 70% แอลกอฮอล์ และปิดผ้าก๊อซปราศจากเชื้อ วันละ 2 ครั้ง (เช้า - เย็น) และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือพยาบาลอย่างเคร่งครัด 2. ในระยะต่อมาเมื่อแผลแห้งดีแล้ว ให้ใช้น้ำเกลือล้างแผล หรือ น้ำต้มสุก ทำความสะอาดแผลและใต้แป้นสายสวนให้สะอาด เช็ดให้แห้ง และปิดผ้าก๊อซไว้ 3. ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ (ยกเว้นมีข้อห้ามจากแพทย์) และทำความสะอาดแผลตามปกติ (ถ้าขอบแผลอักเสบยังไม่ควรอาบน้ำ) การดูแลสายให้อาหารทางหน้าท้อง 1. ทำความสะอาดสายให้อาหารด้านนอกและข้อต่อด้วยสบู่และน้ำสะอาด ส่วนสายสวนชนิดระดับผิวหนังใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ด 2. ไม่ควรหักหรือพับงอสายให้อาหารนานเกินไป อาจทำให้สายแตกหักหรือพับงอ ทำให้เกิดการอุดตันได้ 3.
ต้องทำความสะอาด ปาก ลิ้น และฟัน ของผู้ป่วยทุกวันถึงแม้จะไม่ได้ให้อาหารทางปาก 3. ถ้าผู้ป่วยสามารถบ้วนปากได้ควรให้บ้วนปากบ่อยๆ เพื่อป้องกันมิให้ปากแห้งและป้องกันการติดเชื้อ SUR 21
สายให้อาหารหลุด โดยปกติผู้ป่วยจะไม่สามารถดึงสายออกมาจากกระเพาะอาหารได้โดยง่าย นอกจากถูกดึงแรงๆ หากสายหลุดออกมาให้ใช้ผ่าก๊อซปิดรูแผลไว้ และรีบไปพบแพทย์โดยนำสายให้อาหารที่หลุดออกไปด้วยโดยทันที ไม่ควรทิ้งข้ามคืน เพราะรูที่ใส่อาจปิด ทำให้ใส่สายไม่ได้ 3. การมีเนื้อเยื่อแดงที่แผลรูเปิด หรือ มีติ่งเนื้อ เป็นปัญหาที่พบบ่อยแต่ไม่อันตราย ซึ่งอาจทำให้มีเลือดออกได้บ้าง ให้เช็ดด้วยผ่าก๊อซ แล้วกดไว้ 1 - 2 วัน เลือดจะหยุดเอง ถ้ามีปัญหาสงสัยให้พบแพทย์ 4. การรั่วซึม รอบๆสายให้อาหาร เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การอุดตันของสาย การติดเชื้่อที่แผลรูเปิด หรือ อาจเกิดจากสายที่ใช้มีขนาดเล็กกว่าแผลรูเปิดที่ทำไว้ หรือ อาจเกิดจากการให้อาหารมากเกินไป การแก้ไขเบื้องต้นคือ ให้อาหารหยดช้าๆระหว่างให้อาหารให้นอนตะแคงขวาลงกีึ่งนั่ง-กึ่งนอน หรือยกหัวเตียงประมาณ 30 -45 องศา เช็ดทำความสะอาดรอบๆรูเปิดแผล แล้วใช้ผ่าก๊อซรองไว้สำหรับดูดซับสิ่งรั่วซึมและควรปรึกษาแพทย์ 5. มีการยึดติดของเนื้อเยื่อรอบๆรูเปิดกาับสายให้อาหาร ป้องกันโดยหมุนตัวสายให้อาหาร 360 องศา (เฉพาะบางรุ่น) ซึ่งแพ่ทย์จะเป็นผู้แนะนำเอง ข้อควรปฏิบัติอืน 1. ควรเปลี่ยนสายทุก 6 เดือน หรือเมื่อมีสายบวม หมดสภาพ 2.
กรณีใช้สายให้อาหารทางหน้าท้องชนิดลูกโป่ง ควรหมั่นตรวจสอบว่าตำแหน่งของสายที่ระดับผิวหนังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เนื่องจากสายอาจเลื่อนเข้าไปในกระเพาะมากเกินไป 4. ต้องดูแลให้ระดับบ่าท่อที่อยู่ทางหน้าท้องอยู่ที่ขีด 6 เซนติเมตร และควรหมุนตัวสายทุก 2 - 3 วัน เพื่อป้องกันการฝังตัวของหัวเปิดในช่องกระเพาะอาหาร 5. ไม่ควรใช้อาหารที่มีความร้อนเพราะจะทำให้อายุการใช้งานน้อยลง ซึ่งปกติจะใช้ได้นาน 6 - 8 เดือน ปัญหาที่อาจเกิดจากการใส่สายให้อาหารทางหน้าท้องและวิธีแก้ไข 1. การอุดตันของสาย เกิดจากการบดยาไม่ละเอียด การให้อาหารที่หนืดเกินไป หรือการให้น้ำตามหลังการให้อาหาร หรือ ยาไม่ดีพอ ซึ่งถ้าเกิดการอุดตันอาจลองใช้น้ำอุ่นค่อยๆล้างและลองดูดด้วยกระบอกให้อาหาร ถ้ายังอุดตันให้ปรึกษาแพทย์ การป้องกันการอุดตันของสาย - ให้น้ำหลังให้อาหาร หรือ นมทุกครั้งอย่างน้อย 20 - 30 ซีซี(ในกรณีจำกัดปริมาณน้ำดื่ม ควรปรึกษาแพทย์) - ให้น้ำก่อนและหลังให้ยาทุกครั้ง - กรณีที่ให้อาหารแบบหยดช้าๆต่อเนื่องหลายชั่วโมงควรให้น้ำอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง และทุกครั้งที่หยุดเครื่องควบคุมการไหลของอาหาร - ให้น้ำทุกครั้งหลังจากตรวจสอบประมาณอาหารที่เหลือในกระเพาะ หากมิได้ให้อาหาร หรือ นมต่อ 2.