bulibuli.work
Slack แอพช่วยทำงาน? เหมาะกับใคร? - YouTube
โพสต์ต่อไปจะมาแนะนำ "Workplace" จาก FB… ซึ่งเหมือนจะทำมาตอบปัญหาทั้งหมด 10 ข้อที่พิมพ์ไปเลย แต่อันนั้นไม่มี tier free ให้ใช้เหมือน Slack โดยนับ 3$ ต่อคนครับ ว่าจะลองใช้ฟรี 3 เดือนที่มันจะให้ดู) ภาพตั้งแต่สมัยเพิ่งลองใช้
By: twometre on 2 February 2017 - 17:34 Tags: ในยุทธภพแอพคุยงานตอนนี้ต้องหลบพื้นที่ให้กับ LINE อีกตัวที่เปิดตัว LINE WORKS ที่เพิ่มความสามารถให้กับแอพแชทแบบเดิมด้วยการมีสตอเรจบนคลาวด์ ปฏิทิน สมุดโทรศัพท์ ซึ่งเริ่มใช้กับ Works Mobile บริการหนึ่งในเครือ Naver ที่ญี่ปุ่น LINE WORKS ทดลองใช้ฟรี 30 วัน และใช้คิดค่าบริการในช่วง 2. 70-8. 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ที่มา - Tech in Asia Get latest news from Blognone Follow @twitterapi
ข่าวดีก็คือว่านี่เป็นสาขาที่ทั้งสองทำงานได้ดีมาก โดยมีตัวเลือกการผสานรวมมากมาย ในทั้งสองกรณี จำนวนแอปพลิเคชันที่สามารถรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้มีฟังก์ชันที่มากขึ้นคือสิ่งที่กำลังเพิ่มขึ้น ดังนั้น ฟังก์ชันหรือตัวเลือกใหม่จึงถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันเพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปัจจุบัน Slack มีแอปมากกว่า 2.
ผมนึกเหตุผลสำคัญๆ ออกอยู่ 4 ข้อครับ 1. ใช้ Slack เพื่อทำงานจริงๆ อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าถ้าคุณใช้ LINE คุณจะต้องเอาเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงานมาผสมกัน แต่ถ้าคุณใช้ Slack คุณจะใช้มันเพื่อพูดคุย และสื่อสารเรื่องงานเป็นหลัก ซึ่ง Slack นั้นจะช่วยให้คุณสามารถแยกเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ในเชิงของการแจ้งเตือน Shifu แนะนำ วิธีการปกติที่ผมใช้คือผมปิด Notification LINE ทั้งหมด และถ้าเป็นไปได้ จะพยายามไม่ใช้ LINE คุยงาน 2. ไฟล์ต่างๆ ใน Slack มีอายุไม่จำกัด เมื่อคุณอัปโหลด File ขึ้น Slack แล้ว มันจะไม่ถูกลบไปไหน เพราะฉะนั้นเวลาคุณจะมาค้นดูงานเก่าๆ หรือหยิบเอาไฟล์รูป หรือวีดีโอที่เพื่อนร่วมงานส่งมาให้คุณไปใช้ คุณก็จะมั่นใจได้ว่ามันก็ยังจะคงอยู่ Shifu แนะนำ Slack เวอร์ชั่นฟรีนั้นมีพื้นที่เก็บข้อมูลให้กับคุณ และทีมแค่ 5GB เท่านั้น ถ้าคุณอยากได้พื้นที่เพิ่มคุณสามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อ Slack เวอร์ชั่นพรีเมียมได้ 3.
SOLUTIONS CORNER Slack VS Microsoft Teams เปิดศึกแอปสื่อสารทางธุรกิจ Slack และ Teams ต่างก็เป็นแอปพลิเคชั่นสื่อสารทางธุรกิจชั้นนำ แต่กลับรองรับสไตล์การทำงานที่ต่างกันไป ข่าวลือมีอยู่ว่า ในปี 2016 ไมโครซอฟต์ตัดสินใจปล่อย Slack ให้หลุดมือไป โดยบริษัทเลือกที่จะสละธุรกิจมูลค่าสูงถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วหันไปขยายกิจการโมเดลธุรกิจ Skype ที่มีอยู่แล้วแทน จึงนำไปสู่การเกิดขึ้นของ Microsoft Teams ในปี 2017 ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของการประชุมทางไกลไป แล้ว Slack ล่ะ? ในเดือนตุลาคมปี 2019 บริษัทมีรายงานชี้แจงว่า Slack มีผู้ใช้งานมากถึง 12 ล้านรายต่อวัน ผู้ใช้เหล่านี้จำนวนมากใช้เวลาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน แน่นอนว่าก็ต้องบอกด้วยเช่นกันว่ายอดผู้ใช้งานของ Microsoft Teams นั้นแตะ 13 ล้านรายภายในระยะเวลาเพียงสองปี ในขณะที่ Slack ใช้เวลาถึง 6 ปีกว่าจะมียอดผู้ใช้ถึง 10 ล้านราย แต่เอาเรื่องตัวเลขออกไปก่อน คำถามคือแล้วแพลตฟอร์มทำงานร่วมกันเหล่านี้มีข้อแตกต่างกันอย่างไร? Slack vs. Microsoft Teams: การตั้งราคา เมื่อพูดถึงการกำหนดราคา ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ ทั้ง Slack และ Teams ต่างก็เสนอแผนใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ที่อยากเข้ามาลองดูก่อน แต่องค์กรที่กำลังเติบโตและธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจรู้สึกเหมือนถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดของแผนใช้งานฟรี บริษัทเหล่านี้อาจมองว่าการอัพเกรดเป็นแผนแบบชำระเงินนั้นคุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุดมากกว่า ในขณะที่ราคาของแผน Office 365 ที่กำลังจะกลายเป็น Microsoft 365 ในอีกไม่นานและรวม Microsoft Teams เข้ามาด้วยนั้นอยู่ที่ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อผู้ใช้ต่อเดือน และบริษัทก็ต้องสมัครรายปีเพื่อใช้งาน แผนราคาถูกที่สุดของ Slack อยู่ที่ 6.
1. แยกโปรเจกต์เป็นโปรเจกต์ ไม่ปะปน — เวลาได้รับงานมา เรามักจะเรียกมันว่าโปรเจกต์ แล้วในหนึ่งโปรเจกต์จะประกอบไปด้วยหลากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายโปรดักชั่น ฝ่ายขาย ฝ่ายผสานงาน และอีกมากมาย การตั้งกลุ่มเพื่อคุยงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะแต่ละฝ่ายจะได้แจ้งความคืบหน้า แต่หากต้องการคุยแยกเป็นฝ่าย ต้องตั้งกลุ่มแยกอีกหรอ? แล้วจะไม่สับสนกับกลุ่มอื่นเหรอ?