bulibuli.work
สำหรับคนที่ขายบ้านเก่า และซื้อบ้านใหม่ ภายใน 1 ปี หรือซื้อบ้านใหม่ แล้วขายบ้านเก่าภายใน 1 ปี สามารถขอคืนภาษีที่เราจ่ายไปตอนขายบ้านได้ทันทีครับ เพียงแค่เข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งในนี้ 1. มีชื่อในทะเบียนบ้านหลังเก่าไม่น้อยกว่า 1 ปี 2.
ค่านายหน้ากี่เปอร์เซ็นต์ ในการฝากขายบ้าน สำหรับคำถามที่ว่า ค่านายหน้ากี่เปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปค่านายหน้านั้นจะคิดอยู่ที่ 3% จากราคาขายของบ้าน ซึ่งมีวิธีคิดดังนี้ ตัวอย่าง บ้านราคา 2, 000, 000 บาท นำไปคูณ 3 จากนั้นหารด้วย 100 เท่ากับนายหน้าจะอยู่ที่ 60, 000 บาท ยกเว้นในกรณีที่ผู้ขายเป็นนิติบุคคล คุณจะต้องหักภาษี 3% ณ ที่จ่าย จากค่านายหน้าด้วย นั่นคือ 60, 000 x 3 หารด้วย 100 เท่ากับ 1, 800 บาท ดังนั้นต้องจ่ายค่านายหน้าที่ 58, 200 บาท 3.
วิธีนำเสนอแบบบ้าน สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย….
เตรียมหาเว็บไซต์ทีจะลงโฆษณา เมื่อได้ทั้งข้อมูล ราคา รูปภาพ ข้อเขียน คำบรรยายทั้งหมดแล้ว ก็หาสื่อ ดีๆ จำนวนให้เหมาะสม ครับ ตัวอย่างดังนี้ 3. 1 เ ว็บไซต์ โพสประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ประกาศขายบ้านที่ไหนดีเว็บทั่วๆไป ทั่วไป สัก 10-20 เว็บไซต์ เช่น หรือ เว็บอื่นๆ ลองใช้ google ดูนะ ครับ เอาเว็บต้นๆ อันดับแรกๆที่เจอเป็นใช้ได้ 3. 2 เฟสบุ๊ค โพสในโปรไฟล์ สร้างเพจ หรือ โพสเป็นกลุ่ม อสังหา 3. 3 โพส ใน Social อื่นๆ รองลงมา เช่น Line, instagram etc. 4.
กลยุทธ์การนำอสังหาริมทรัพย์มาปรับปรุง ซ่อมแซม แล้วขายออกไป กลยุทธ์นี้นิยมใช้กันมากับการขาย บ้านมือสอง หรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเก่า หลักการก็คือจะทำการปรับปรุงเพื่อให้ขายได้ง่ายและได้ราคามากขึ้น เช่น ทำความสะอาด ทาสี และจัดหรือตกแต่งบ้านให้มีความน่าอยู่ 4. กลยุทธ์การใช้ความไวหาประโยชน์ วิธีนี้นิยมใช้กันมากในกลุ่มนักเก็งกำไร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนกว้างขวางรู้ข่าวสารการตลาดเป็นอย่างดี หรือมีกลุ่มนายหน้าที่คอยส่งข้อมูลข่าวสารให้ตลอดเวลา เมื่อได้รับทราบข่าวกรองที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ก็จะรีบซื้อที่ดินที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อนำมาขายต่ออีกทอดหนึ่ง 5.
3 ล้านบาท คนก็จะเริ่มสงสัยแล้วล่ะ ว่าบ้านของสมศักดิ์มีปัญหาซ่อนอยู่แน่นอน 2. ทำให้เป็นการขายที่แปลกใหม่อยู่เสมอ (Try a fresh sales approach) บ้าน คอนโด หรือที่ดิน ที่ประกาศขายมานานแต่ยังขายไม่ออก วิธีที่แยบยลและตีเนียนที่สุด ก็คือ ปรับเปลี่ยนประเด็นโฆษณา หรือจุดขายให้ดูแปลกใหม่ ต่างจากเดิม เช่น เปลี่ยนมาขายบ้านและที่ดินเพื่อการลงทุนเป็นที่ดินแปลงใหญ่ สวย ติดถนน เพียงเท่านี้อาจจะเปลี่ยนบ้านที่เคยถูกมองข้าม ให้กลับมาเป็นที่น่าสนใจ 3. อย่าฝืนตลาดอย่างเด็ดขาด (Don't try too hard to fight the market) อย่าคิดว่าจะขายเมื่อไรก็ได้ ต้องเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการขาย โดยจังหวะที่ดีที่สุด คือ ช่วงที่สภาพคล่องในตลาดมีค่อนข้างสูง กู้ยืมเงินได้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ และกำลังอยู่ในช่วงที่ความเจริญกำลังเกิดขึ้นหรือเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนช่วงที่ควรเลี่ยงคือ ช่วงเงินตึง กู้เงินได้ยากดอกเบี้ยสูง หรือแม้กระทั่งของเกิดภัยธรรมชาติ 4. พึงระลึกไว้เสมอว่ารีโนเวทไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่จะช่วยให้ขายได้เสมอ (Remember, renovations aren't a magic bullet) การรีโนเวท (Renovation) เป็นเพียงองค์ประกอบบางส่วนทำเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ขายได้แต่อย่างใด โดยเฉพาะหากปราศจากกลยุทธ์ตั้งราคาขั้นต่ำเข้ามาร่วม มิหนำซ้ำอาจจะเพิ่มต้นทุนให้บ้านของคุณราคาสูงไปยิ่ง แล้วที่นี่ใครจะซื้อล่ะ?
4. มีทักษะจูงใจผู้ซื้อผู้ขาย พื้นฐานงานขายเป็นงานที่รับแรงกดดันสูง ต้องแบกรับความคาดหวังทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย ทักษะจูงใจลูกค้าจึงเป็นคุณสมบัติอันดับต้นที่มืออาชีพควรมี เพื่อการันตีว่าจะสามารถนำเสนอทรัพย์แก่ผู้ที่สนใจได้อย่างผ่อนคลาย มีความเป็นกันเอง และทำให้ผู้ที่สนใจยอมเปิดใจรับฟังการนำเสนอด้วย 5. มีทักษะประยุกต์ตอบโจทย์ นายหน้าขายบ้านมืออาชีพตัวจริงต้องสามารถอ่านโจทย์ของผู้สนใจทรัพย์ออก การติดต่อสอบถามรายละเอียดของทรัพย์เบื้องต้นของผู้ที่สนใจมีหลายรูปแบบ เช่น การส่งอีเมล์สอบถาม หรือโทรศัพท์หา เป็นต้น ซึ่งนายหน้าขายบ้านมืออาชีพต้องสนุกกับการตอบคำถาม มีวิธีการถามกลับเพื่ออ่านโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ เพื่อนำไปสู่การนำเสนอที่ถูกทาง หากสังเกตน้ำเสียงหรือท่าทางที่ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวไว้ คงไม่ดีแน่หากคุณเลือกใช้บริการนายหน้ารายนั้น 6. มีทักษะด้านกรอบเวลา การรักษากรอบเวลาเป็นลักษณะที่ดีของนายหน้าขายบ้านมืออาชีพ เขาต้องสามารถปรับแผนการ เพื่อดำเนินการขายได้ตามเวลาที่ลูกค้าคาดหวัง สำหรับลูกค้าที่เร่งรีบในการซื้อหรือขายบ้าน เขาควรเสนอรายชื่อผู้ที่สนใจ แจ้งวันนัดพบได้บ้างไม่มากก็น้อย ตามศักยภาพของตัวทรัพย์นั้น ๆ ในขณะเดียวกัน หากลูกค้าไม่ได้รีบร้อนขายหรือซื้อ เขาอาจยังพอมีระยะเวลาในการเลือกจับคู่ทรัพย์และผู้ที่สนใจ เพื่อผลประโยชน์ที่ดีกว่าของลูกค้าได้ 7.